ชนเขาเผ่าม้ง บ้านแม่แรม

ม้ง เป็นชาวเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จากเว็บ http://www.hilltribe.org/thai/hmong/ ได้สันนิฐานว่าอพยพมาจากที่ราบสูงธิเบต ไซบีเรีย และ มองเลีย เข้าสู่ประเทศจีน ต่อมาได้มีการต่อสู้กันในเรื่องวัฒนธรรมที่ม้งไม่ยอมรับวัฒนธรรมจีน จนม้งพ่ายแพ้ ต่างแตกไปอยู่ยังที่ต่าง ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาในแควนสิบสองปันนา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศลาว และต่อมาได้มีหัวหน้าชื่อนายพลหว่างปอ ได้รวบรวมและอพยพเข้ามาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2400มาจนทุกวันนี้ นี่คือประวัติคร่าวๆของชนเผ่าม้ง

บ้านแม่แรม ตั้งอยู่ที่ หมู่12 ตำบลเตาปูน  อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่อาศัยอยู่ที่นี่มาช้านานแล้ว มีภาษาม้งใช้ในการสื่อสาร หมู่บ้านขนาดใหญ่มีประมาณ 400 กว่าหลังคาเรือน ประชากรประมาณ 2000กว่าคน มีหุบเขาล้อมรอบ ลักษณะพื้นที่สูง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีวัฒนธรรมประเพณีการแต่งกายเป็นของตัวเอง นิยมมีบุตรหลายคน อยู่กันเป็นครอบครัวขยาย ส่วนใหญ่แต่งงานแต่อายุยังน้อย จะแต่งงานกันเมื่ออายุประมาณ14ปี

ประเพณีที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของบ้านแม่แรมคือ ประเพณีปีใหม่ ประเพณีนี้จะมีการจัดทุกๆปี คล้ายๆกับวันสงกรานต์ของไทย โดยกิจกรรมต่างๆให้ชื่นชมมากมาย วันปีใหม่ส่วนมากจะอยู่ประมาณเดือน ธันวาคม ถึงเดือน มกราคม ของปีถัดไปซึ่ง แล้วแต่คนเฒ่าคนแก่ ในหมู่บ้านจะผู้ที่ดูเลิศยามให้

เมื่อเข้าใกล้เดือนธันวาคม ชาวบ้านจะต้องเร่งรีบเก็บเกี่ยวข้าว พืชผล ผลิตต่างๆให้เสร็จ  แล้วจะมาช่วยกันเตรียมงาน ต้อนรับปีใหม่ของแต่ละบ้าน เพราะจะมีญาติพี่น้อง ญาติต่างหมู่บ้าน ต่างจังหวัดของตัวเองจะมาเที่ยวหากันในช่วงนี้ เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว จะเริ่มจากการตัดไม้ที่แห้งแล้วตามป่าเขามาทำเป็นฟืน เพื่อที่จะนำมาใช้ในงาน เพื่อจุดเพิ่มความอบอุ่นในการพบปะพูดคุยกันในเวลากลางคืน เพราะเริ่มหนาวกันแล้วในเดือนธันวาคม แต่ละครอบครัวจะจัดหาเสื้อผ้าชุดปีใหม่ให้ลูกๆ โดยเฉพาะชุดประจำเผ่าต้องมีอย่างน้อยคนละ หนึ่งชุด ซึ่งสามารถเย็บเองและซื้อจากร้านจำหน่ายเสื้อผ้าม้ง

นอกจากนี้ยังมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ Big Cleanin Day ปัดกวาดบ้าน ให้สะอาด เมื่อเข้าใกล้วันปีใหม่ จะมีการทำขนมไว้ปิ้งกินตอนปีใหม่ เรียกกันว่า “จั๋ว” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า ขนมโดยการนำข้าวเหนียวมาตำให้ละเลียดแล้วห่อเป็นแผ่นๆไว้ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน อยากลองชิมกันไหมละครับ ต้องติดตามโพสต์ต่อไปนะครับ

เมื่อถึงก่อนวันปีใหม่1-2วันจะมีทำพิธีกรรม โดยมีพ่ออาจารย์ในหมู่บ้านหรือต่างหมู่บ้านก็ได้แล้วแต่ผู้นำในครอบครัวจะเห็นชอบเห็นควร ซึ่งพิธีก็จะเป็นไปตามประเพณีไม่เหมือนใคร เช่น การบนรอบปี การทำขวัญเสาบ้านเสาเรือน การเปลี่ยนโต๊ะบูชารอบปี การเลี้ยงผีปู่ผีย่า และการแก้บนรอบปี โดยปกติการบนรอบปีจะใช้หมูในการบนและแก้บน จึงไม่แปลกที่ในวันนี้ ทุกหลังคาบ้านจะมีการฆ่าหมูในการแก้บนอย่างน้อย1ตัว เพื่อให้มีกับข้าวกินกันในช่วงปีใหม่ด้วย

เมื่อถึงวันเปิดงานหรือเปิดสนามปีใหม่ในวันนี้จะมีผู้คนมากมายโดยเฉพาะวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว ที่กลับจากการศึกษาเล่าเรียนมาร่วมสนุก ญาติๆต่างหมู่บ้านต่างจังหวัด และชาวบ้านในหมู่บ้านที่มาชมดู ลูก บุตรหลานของเองในการแต่งชุดปีใหม่ที่เตรียมไว้ว่าจะสวย จะหล่อ ขนาดไหน แต่ขอนิดหนึ่งนะครับ ส่วนมากจะแต่งเสื้อผ้าได้เฉพาะคนที่ยังไม่แต่งงานนะครับไม่นิยมในคนที่แต่งงานแล้ว ในพิธีจะมีการเลี้ยงขอขมาขอโทษผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตนได้ล่วงเกิน การรับคำอวยพรจากผู้เฒ่าผู้แก่ การแสดงโชว์จากลูกหลานที่ไปศึกษาเล่าเรียน การฟ้อนรำ การตีลุกข่าง การยิงหน้าไม้ การเป่าลูกดอก การแข่งรถสามล้อ และการโยนลูกช่วงของหนุ่มสาว

การโยนลูกช่วงโดยทั่วไปจะเป็นการจับคู่ชายกับหญิง และห้ามเป็นแซ่เดียวกัน จะเป็นการพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ น้องๆหรือญาติๆ ที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน และ ในระหว่างการโยนลูกช่วงทางพ่อแม่ ญาติๆ ปู่ย่า ตายาย ของทั้งชายหญิงจะมานั่งดูว่า ลูกหลานตัวเองแต่งตัวได้สวย-หล่อ ขนาดไหน คู่ที่โยนลูกช่วงด้วยหน้าดีดีหรือไม่ กริยาท่าทางเป็นยังไงบ้าง และเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พูดอีกแบบก็คือเป็นการจีบหาแฟนไปในตัวในคู่ที่ถูกใจ

จะว่าไป กว่าจะได้โยนลูกช่วงใช่ว่า ชอบคนไหนก็โยนได้ไม่ใช่นะครับ ฝ่ายหญิงจะเป็นคนถือลูกช่วงหากฝ่ายชายต้องการโยนด้วยต้องให้เพื่อน ญาติ หรือ น้อง เป็นคนไปขอฝ่ายหญิง ถ้าฝ่ายหญิงยินยอมตกลง ถึงจะได้โยนลูกช่วงด้วย แต่ถ้าหากฝ่ายหญิงมีแฟนมารออยู่แล้ว ก็อย่าไปยุ่งเลยนะครับเดี๋ยวจะเกิดศึกชิงนาง ซึ่งฝ่ายหญิงจะไปคนตัดสินใจเอง

ในระหว่างการโยน จะมีกิจกกรมต่างๆที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้นดำเนินการไปด้วย โดยอาสาสมัครจากในหมู่บ้านมาประลองฝีมือกันว่าใครจะเก่งกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นการตีลูกข่าง การยิงหน้าไม้ การเป่าลูกดอก การขับรถสามล้อ ทำให้งานปีใหม่สนุกสนานเต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะ บริเวณรอบๆสนามยังมีร้านค้า บริการน้ำดื่ม ของกินบริการอีกด้วย

กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความร่วมไม้ร่วมมือของชาวบ้านทุกคน ผู้นำ ผู้เฒ่าผู้แก่ ในโอกาสหน้าเดี๋ยวผมจะพาไปดูรายละเอียดของแต่ละกิจกรรมและพิธีกรรมปีใหม่ที่บางคนอยากรู้ อยากศึกษาดู โปรดติดตามโพสต่อไปครับ

เที่ยวแพร่: อนุสาวรีย์สองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่

เที่ยวแพร่: อนุสาวรีย์สองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่

อนุสาวรีย์สองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่

อนุสาวรีย์สองมหาวีรบุรุษเมืองแพร่ ตั้งอยู่ถนนยันตรกิจโกศล หลักกิโลเมตรที่60  หรือที่จังหวัดแพร่เรียกกัน แยกโจ้โก้ บนเส้นทาง แพร่-เชียงราย เป็นเขตรับผิดชอบของอำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็สามารถเดินทางไปถึงสถานที่ดังกล่าว

            อนุสาวรีย์สองมหาบุรุษเมืองแพร่ตามประวัติ มีบุคคลสำคัญสองท่านคือปู่พญาพลและพระยาเมืองไชย ปู่พญาพล เป็นวีรบุรุษเชื้อสายกษัตริย์น่านเจ้า ได้ที่นำพาผู้คนอพยพจากเมืองเชียงแสนและเวียงพางคำ มาอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำยม ท่านได้ทำนุบำรุงศาสนาโดยได้มีการสร้างวัดแสนหลวงและพระพุทธรูปพระเจ้าแสนหลวงไว้ในเมืองพล(เมืองแพร่)

          ส่วนพระยาเมืองไชย เป็นนายทหารที่มีความกล้าหาญของฝ่ายเหนือได้สู้รบกับทหารพม่าในสมัยราชกาลที่1 ยังได้อาสาเป็นทหารกองหน้าในการสู้รบ ตีเมืองเชียงตงจนได้รับชัยชนะ จนได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นเจ้าเมืองแพร่

        จากประวัติคร่าวจะเห็นว่าทั้งสองต่างมีผลงานสมกับเป็นวีรบุรุษของคนเมืองแพร่ ที่คนเมืองแพร่ต้อง ระรึก ถึงพระคุณที่ท่านได้ทำไว้ ฉะนั้นผู้ที่เดินทางผ่านมา ก็สามารถแวะกราบไว้เพื่อเป็น ศิริมงคลกับท่านเองและครอบครัว 

          นอกจากนี้ยังมีประวัติผู้คนสำคัญในการสู้รบทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่2 คืออนุสาวรีย์สามพี่น้องเสรีไทย(Free Thai) จากประวัติพอสรุปได้ว่า บุคคลสามคนนี้ ได้เป็นพี่น้องกัน มีรายชื่อดังนี้ 1.นายอุทัย  กันทาธรรม 2.นายทอง  กันทาธรรม 3.นายสม กันทาธรรม ได้มีการรวบรวมผู้คนจัดตั้งศูนย์บัญชาการเบื้องต้น ที่บ้านหนองม่วงไข่ ต่อต้านสกัดกั้นกองทัพญี่ปุ่นทั้งทางภาคพื้นดินและโจมตีทางอากาศร่วมกับทางทัพอากาศอเมริกัน มีส่วนทำให้ไทยสามารถเจรจานำเอกราชได้ หลังสงครามสงบลง

สถานที่แห่งนี้ปัจจุบันได้มีการพัฒนาปรับปรุงมาโดยตลอด มีเครื่องออกกำลังกายทั่วไป ที่พักผ่อนของครอบครัว ที่วิ่งออกกำลังกาย ที่นั่งพักผ่อน มีห้องน้ำที่สะอาดให้บริการ มีจัดให้บริการนักท่องเที่ยว  หากท่านได้ผ่านมาก็สามารถแวะ กราบไหว้บูชาอนุสาวรีย์ทั้งสองแห่งนี้ได้ 

มาเที่ยวกันเยอะๆนะครับ สถานที่ดีดี ของเมืองแพร่

วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี

สวัสดีครับ วันนี้ได้มีโอกาสผ่านมาทางอำเภอเด่นชัย จึงได้แวะเข้าไปชมความงามของวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีแห่งนี้

วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี 

ประวัติโดยสังเขป วัดประธาตุสุโทนมงคลคีรีตั้งอยู่ที่ห้วยน้ำพริก หมู่ที่ 5 ตำบลเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ริมถนนสาย เด่นชัย –ลำปาง ห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ 7 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 29 กิโลเมตร บนยอดเขา สูงประมาณ 20 เมตร

วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี 

      เรื่องราวประวัติในอดีตในการก่อสร้างขึ้นมานั้น เกิดจากพระครูวิฑิตพิพัฒนาภรณ์ เข้าสู่สมณเพศบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดเด่นชัย ได้เดินธุดงค์จาริกเสาะหาสถานที่วิเวกสงบ ได้มาบริเวณที่ตั้งวัดปัจจุบันแห่งนี้ แต่เดิมเป็นไร่ข้าวโพด และ เขตป่าสงวนที่เสื่อมโทรม พระครูได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เป็นชัยภูมิที่ดี เหมาะแก่การปฏิบัติสมาธิภาวนา จึงขออนุญาต จัดเป็นที่ตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นโดยมีพ่อแถว สัมฤทธิ์ เป็นต้นศรัทธาและต่างจังหวัด สร้างขึ้นเป็นวัดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2522 โดยได้สร้างวิหารพระธาตุสุโทนศาลาบำเพ็ญและกุฏิสงฆ์

      จากปี พ.ศ.2527 เป็นต้นมาได้มีการสร้าง เน้นรูปแบบล้านนา ซึ่งเริ่มจากแนวคิดของท่านพระครูที่จะให้วัดนี้เป็นศูนย์รวมยอดพุทธศิลป์และจำลองงานศิลปะชั้นยอดของล้านนา จากหลายแหล่งในประเทศไทย สิบสองปันนาของมณฑลยูนนานสาธารณารัฐประชาชนจีนและศิลปะของพม่า ลาวและเขมร

       นี่คือประวัติโดยสังเขปของวัดแห่งนี้ จึงไม่แปลกที่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีความสำคัญ มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพบูชาของชาวเด่นชัย ซึ่งใครมาก็ต้องแวะมาเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นคนในจังหวังแพร่ ต่างจังหวัด หรือทัวว์ของนักท่องเที่ยวต่างๆ 

       บริเวณรอบๆวัดแห่งนี้ได้มีการสร้างผลงานหลายๆอย่างตามประวัติ โดยเมื่อท่านแวะเข้ามาสิ่งแรกที่พบเจอและเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่เห็นแล้วจะบอกได้ทันที่ว่าที่ไหน นั่นคือรูปปั้นพระพุทธไสยาสน์ ที่มีความยาว 85 เมตร ใหญ่อลังการทอดยาวอยู่บริเวณหน้าวัด จากประวัติเป็นเป็นการสร้างตามศิลป์แบบพม่าขนาดยาว พระเกตุมาลาจรดพระบาท สร้างด้วยปูนปั้น

พระพุทธไสยาสน์ วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี

จากนั้นจะเดินขึ้นไปบนวัดทางประตูเข้านั้นมีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่(สหัสเดชะและอสูร)ยืนเฝ้าประตู ตรงหน้าวัดทางวัดได้จัดธูปเทียนไว้สำหรับการกราบไหว้บูชาพระธาตสุโทน ตามจิตรศรัทธาของผู้มาเที่ยวชม

วัดพระสุโทนมงคงคีรี

จากประวัติ พระธาตุสุโทน ก่อสร้างโดยได้รับความบันดาลใจจากรูปแบบของพระธาตุพนม ขนาดฐานกว้าง 5 เมตร สูงถึง 15 เมตร มีพระธาตุบารมี30ทัศ ฐานแปดเหลี่ยมซ้อนกันสองชั้นโดยชั้นแรกมีช้างปูนปั้นคำอยู่สลับกับรูปหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้า

 

เจดีย์ วัดพระสุโทนมงคงคีรี

ชั้นที่สองประดิษฐานพระพุทธรูปประทับที่นั่งและประทับที่ยืน ชั้นที่สามเป็นหมู่เจดีย์ทรงกลมเล็ก 25 องค์ ขนาดกลาง 7 องค์ ขนาดใหญ่ 1 องค์ รวมทั้งสิ้น 32 องค์

เจดีย์ วัดพระสุโทนมงคงคีรี

เจดีย์ วัดพระสุโทนมงคงคีรี

  เมื่อมองไปทางขวามือจะเจอรูปพระพุทธประจำระเบียงคต เรียงยาวตามรอบวัด จำนวน 120 องค์ โดยสร้างแบบเชียงแสน สุโขทัย และ เชียงแสนรุ้ง มีความงดงามมาก

พระประจำระเบียงคต วัดพระสุโทนมงคงคีรี

     เดินต่อไปจะเจออุโบสถ มีรูปปั้นยักษ์ที่หลับและรูปปั้นยักษ์ที่กลับอยู่ คอยเฝ้าอุโบสถ จากประวัติพบว่าได้มีการสร้างแบบล้านนา ขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 30 เมตร มีลานประทักษิณโดยรอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ประกอบพิธี ตัดลูกนิมิต เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2540 

อุโบสถ วัดพระสุโทนมงคงคีรี

ยักษ์ วัดพระสุโทนมงคงคีรี

   ภายในอุโบสถ ได้มีพระพุทธชินเรศวราชบพิตร เป็นพระประธานประจำอุโบสถ จากประวัติ หล่อด้วยโลหะพุทธลักษณะจำลองจากพระพุทธชินราขวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก นามของพระพุทธรูปได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาค

พระพทธชินราช วัดพระสุโทนมงคงคีรี

   จากนั้นก็เดินก็เดินวนมาออกมาทางประตูเข้า บริเวณนอกวัด มีพิพิธภัณฑ์ธมมเมธี  จากประวัติสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง เสาจำนวน 101 ต้น ชั้นบนจัดแสดงภาพและรูปหล่อเจ้านายฝายเหนือพระพุทธรูป เครื่องดนตรี และศิลปหัตกรรม โดยทางวัดได้ห้ามมีการถ่ายรูป จึงไม่สามารถนำมาให้ชมได้ ชั้นบนนี้จะมีของโบราณมากมาย เริ่มตั้งแต่รูปถ่ายสมัยเก่าๆของเมืองแพร่ อำเภอเด่นชัย บุคคลสำคัญ มีด ดาบ ปืน ที่ใช้ทำสงคราม  เครื่องใช้ภายในครัว อุปกรณ์การดำลงชีวิต รูปหล่อๆต่าง เครื่องดนตรีสมัยโบราณ

พิพิธภัณฑ์ธมมเมธี วัดพระสุโทนมงคงคีรี

  เมื่อเดินเที่ยวชมวัดเสร็จ ทางวัดได้มีบริการร้ายมินิมาร์ท บริการสำหรับท่านที่หิวน้ำ หิวข้าว ก็มีเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ให้บริการ ทั้งบริเวณที่จอดรถ ห้องน้ำที่สะอาดบริการอีกด้วย

มินิมาร์ท วัดพระสุโทนมงคงคีรี

หากท่านได้มีโอกาสผ่านมาทางนี้ ก็สามารถแวะพักผ่อน เที่ยวชม ทำบุญ วัดแห่งนี้ ก่อนเดินทางต่อไปยังจุดหมายของท่าน ขอให้ทุกท่านเที่ยวชมอย่างมีความสุขนะครับ

เส้นทางการเดินทาง

แพะเมืองผีของดีเมืองแพร่

   

วนแพะเมืองผี

 วันนี้ได้มีโอกาสผ่านเข้าไปชม สถานที่แห่งหนึ่งที่ดงดังในเมืองแพร่อีกที่หนึ่ง นั่นคือ แพะเมืองผี  ตั้งอยู่ระหว่างตำบลทุ่งโฮ้งกับตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง  จังหวัดแพร่ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 15 กิโลเมตร บนเส้นทาง แพร่-ร้องกวาง แยกตรงสำนักงานขนส่งจังหวัดแพร่ เข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร     

วนแพะเมืองผี

 เรามาดูประวัติสถานที่แห่งนี้สักนิดหนึ่งนะครับ ประวัติพอสรุปได้ดังนี้ แพะ เป็นภาษาพื้นเมืองหมายถึงป่าละเมาะ เมืองผี หมายถึงความเงียบเหงา ที่มาของชื่อนี้ มีเรื่องเล่าอยู่ว่า มียายแก่คนหนึ่งออกหาขุดหน่อไปไม้จนเข้าไปถึงป่าแห่งนี้ และไปพบเจอหลุมเงินหลุมทองซึ่งตนพยายามหยิบใส่ในหาบเพื่อเอากลับบ้าน แต่เทวดาได้อารักขาแห่งนี้ไม่ยอม จึงทำให้ยายหลงทางหางกลับไม่ได้ ยายพยายามทุกวิธีทางแต่ก็หาทางกลับไม่เจอยายจึงตัดสินใจ วางหาบที่ใส่ทองและเดินออกมาเพื่อบอกชาวบ้านแล้วจึงเข้าไปเอาแต่ผลปรากฏว่า ไม่พบเจอหลุมเงินหลุมทองดังกล่าวแล้ว 

     

วนแพะเมืองผี

  ทุกวันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนเมืองแพร่ รู้จักกันและต่างมากันมาเที่ยวชม ศึกษาแหล่งธรรมชาติ แหล่งพักแรมค่ายต่างๆมากมาย ได้มีหน่วยงานเข้ามาดูแล อำนวยความสะดวกในการเที่ยวชม มีร้านมาหาร น้ำ เครื่องดื่มบริการ มีลานจอดรถที่กว้าง ท่ามกลางร่มไม้ที่ช่วยให้คลายร้อนได้

ต้นดิ้กเดียมม

     สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก่อนจะไปเที่ยวแพะเมืองผี คือ ต้นดิ้กเดียม อยู่ห่างจากลานจอดรถประมาณ 200 กว่าเมตร ต้นดิ้กเดียม จากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า ต้นดิ้กเดียมสามารถพบได้ตามจังหวัดต่าง และมีชื่อเรียกที่ต่างๆกัน อย่างเช่นเว็บของ www.manager.com และ www.lannatouring.com ได้ กล่าวไว้ว่า ที่จังหวัดตากเรียกว่า กระดานพน  จังหวัดกาญจนบุรี เรียก มะกอกพราน จังหวัดเลยเรียก มุ่ยแดง  ภาษาไทยลื้อ เรียกว่าดิ๊กเดียม ภาษาเหนือ เรียก จิ๊เดียม แต่ท้ายสุดนั่นคือต้นเดียวกัน

ต้นดิ้กเดียม

     ลักษณะเด่นของต้นนี้ คือ เวลาเราไปถู หรือ แตะ สัมผัส  กิ่งมันสั่น กระดิก ทั้งๆที่ ลมก็ไม่มี ไม่ได้แตะแรง เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ผมนี่แหละครับชอบแกล้งมัน สนุกดี ใครผ่านมาก็ลองไปแกล้งนะครับแต่อย่าเยอะนะ ขนาดนี้ยังสั่น กระดิกขนาดนี้ ระวังโกรธนะครับ(ล้อเล่น)

        แพะเมืองผี อยู่ห่างจากที่จอดรถ ประมาณ 200 เมตร ก็ถึงแพะเมืองผี มีที่ชมวิวและลักษณะของดินที่มีลักษณะเป็นเสามีหลากหลายรูปแบบตามรูปเลยครับ จากการศึกษาและสอบถามพบว่า แต่ก่อนนั้นเป็นเขาสูง สูงกว่าที่อื่น เป็นหน้าผา ต่อมาโดนกระแสน้ำจากฝน กัดเซาะจนกลายเป็นลักษณะเหมือนเสา และลักษณะอื่นที่สวยงามตามธรรมชาติ

วนแพะเมืองผี

   แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะมาจากต่างจังหวัด หรือผู้คนในจังหวัดแพร่ อาจมากับครอบครัว หน่วยงาน เพื่อนร่วมงาน องค์กรต่างๆ ที่อยากจะมาศึกษาแพะเมืองผีแห่งนี้ หรือจะมาพักผ่อนก็ได้ ซึ่งทางหน่วยงานแห่งนี้ได้มีการจัดเส้นทางการวนอุทยาน มีต้นไม่นานาชนิดมากมาย ทั้งที่มีให้เห็นโดยทั่วไปและหาดูยากและทางหน่วยอุทยานยังบอกอีกว่า ไม่แน่อาจเจอสัตว์ป่าด้วย จึงไม่แปลกที่มีสถานแห่งนี้ได้มีการจัดค่ายพักแรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดค่ายลูกเสือ-เนตรนารี ของโรงเรียน ค่ายจากจากวิทยาลัย มหาวิทยาลัยและอื่นๆอีกมากมาย

วนแพะเมืองผี

เสาดิน

วนแพะเมืองผี

วนแพะเมืองผี

วนแพะเมืองผี

     เมื่อมาเที่ยวกันให้อิ่มใจแล้ว มาที่ลานจอดรถ ไปหาน้ำดื่ม หาอาหารกินกัน เลย มีทั้งร้านอาหาร และเครื่องดื่มบริการให้หายเหนื่อยด้วย ทั้งของที่ระลึกจากแพะเมืองผี เสื้อหม้อฮ่อม ตามคำขวัญของจังหวัดแพร่ให้ท่านได้เลือกซื้อได้อีกด้วยครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วมาเที่ยวชมกันได้เลยนะครับ

แล้วเจอกันที่เที่ยวสำคัญๆของเมืองแพร่ในโพสต์ต่อไป หรือจะแนะนำที่ไหนบ้างเชิญแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ

การเพิ่มแสงประกายกับโลโก้

     ในการทำงานนำเสนอของหน่วยงานต่างที่เป็นวีดีทัสศน์ ปัจจุบันมีการนำเสนอหลายรูปแบบ ด้วยโปรแกรมตัดต่อสวีดีโอต่างๆ วันนี้ผมขอแนะนำเคล็ดลับการเพิ่มแสงประกายให้กับโลโก้ด้วยSony vegas pro 10.0 ด้วยวิธีง่ายๆที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับงานวีดีทัศน์ของท่าน ในที่นี้ไม่ได้จำกัดแค่ sony vegas pro 10.0 นะครับ เวอร์ชั่นอื่นๆก็สามารถทำได้ไม่ต่างกันยังไงมาเริ่มตามภาพประกอบกันเลยนะครับ 

1. เริ่มต้นจากการเปิดโปรแกรม sony vegas แล้วทำตามรูปเลยนะครับ

2.การเพิ่ม โลโก้

3.การปรับขนาดและตำแหน่งโลโก้

4.การเพิ่ม Text media

5.การขจัดรูปแบบ Text media

6.การเพิ่มVideo FX

7.โลโก้ประกายแสงที่แสนง่ายและไม่ยุ่งยาก

โอกาสหน้าจะนำเทคนิคต่างๆมาฝากอีกนะครับ ที่จะเพิ่มคุณค่าของงานวีดีทัศน์ให้ดูสวยงามมากขึ้น หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนะครับ